สินค้าโปรโมชั่นลดราคา โพสฟรีเวบบอร์ด

เมื่อลูกน้อยเข้าสู่ช่วงวัย 2 ขวบ พัฒนาการหลาย ๆ ด้านก็เริ่มชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การพูดคุย หรือการสำรวจโลกใบกว้าง แต่สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจกังวลใจไม่น้อยคือ ปัญหา ลูกท้องผูก 2 ขวบ ซึ่งเป็นอาการที่พบบ่อยในเด็กวัยนี้ หากลูกน้อยไม่ถ่ายอุจจาระติดต่อกันหลายวัน อุจจาระแข็ง ถ่ายลำบาก ร้องไห้เบ่ง หรือมีเลือดปนออกมา นั่นอาจเป็นสัญญาณของอาการท้องผูกได้

ทำไมลูกน้อยวัย 2 ขวบถึงท้องผูกบ่อย?
สาเหตุของอาการท้องผูกในเด็กวัย 2 ขวบนั้นมีหลายปัจจัย ดังนี้

1. การปรับเปลี่ยนอาหาร: เมื่อลูกเริ่มรับประทานอาหารที่หลากหลายมากขึ้น บางครั้งการได้รับใยอาหารไม่เพียงพอ เช่น ผัก ผลไม้ หรือดื่มน้ำน้อยเกินไป อาจส่งผลให้อุจจาระแข็งและถ่ายยาก

2. การกลั้นอุจจาระ: บางครั้งเด็กอาจกลั้นอุจจาระเพราะไม่ต้องการหยุดเล่น ไม่ชอบใช้ห้องน้ำสาธารณะ หรือกลัวความเจ็บปวดจากการถ่ายอุจจาระที่แข็ง ทำให้ยิ่งกลั้น อุจจาระก็ยิ่งแข็งขึ้น

3. การดื่มนมมากเกินไป: นมวัวในปริมาณที่มากเกินไปในบางกรณี อาจทำให้ระบบขับถ่ายของเด็กทำงานได้ไม่ดีนัก

4. ความเครียดหรือการเปลี่ยนแปลง: การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม เช่น การย้ายบ้าน การเข้าเนิร์สเซอรี่ หรือการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน อาจส่งผลต่อระบบขับถ่ายของลูกได้

5. ภาวะสุขภาพบางอย่าง: แม้จะพบได้น้อย แต่ในบางกรณี อาการท้องผูกอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพหรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด หากสงสัย ควรปรึกษาแพทย์

วิธีดูแลลูกน้อยวัย 2 ขวบเมื่อมีอาการท้องผูก
ไม่ต้องกังวล คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลลูกน้อยที่มีอาการท้องผูกได้ด้วยวิธีเหล่านี้:

1. เพิ่มใยอาหาร: เน้นอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้รสหวาน เช่น ลูกพรุน มะละกอ กล้วย ส้ม หรือธัญพืชไม่ขัดสี ค่อย ๆ เพิ่มปริมาณทีละน้อย เพื่อให้ระบบย่อยอาหารปรับตัว

2. ให้ดื่มน้ำให้เพียงพอ: น้ำเป็นสิ่งสำคัญมากในการทำให้อุจจาระนิ่มลง ควรให้ลูกดื่มน้ำเปล่าสะอาดตลอดวัน โดยเฉพาะหลังตื่นนอนและระหว่างมื้ออาหาร

3. สร้างสุขนิสัยการขับถ่ายที่ดี: ลองให้ลูกนั่งกระโถนหรือชักโครกสำหรับเด็กในช่วงเวลาเดิม ๆ ทุกวัน เช่น หลังอาหารเช้า หรือหลังอาหารเย็น เพื่อสร้างกิจวัตรให้ลูกคุ้นเคยกับการขับถ่าย

4. ให้ลูกเคลื่อนไหวร่างกาย: การออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การวิ่งเล่น กระโดดโลดเต้น ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้

5. นวดท้องเบา ๆ: การนวดท้องลูกเป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกาเบา ๆ สามารถช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ได้

6. หลีกเลี่ยงการกลั้น: สอนลูกว่าการขับถ่ายเป็นเรื่องธรรมชาติ และไม่ควรกลั้นอุจจาระ หากลูกกลัวความเจ็บปวด ลองใช้วิธีพูดคุยให้กำลังใจ

7. ปรึกษาแพทย์: หากลองดูแลด้วยวิธีข้างต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือลูกมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เจ็บปวดมาก มีเลือดปน อุจจาระเป็นก้อนแข็งมาก หรือมีไข้ ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำที่ถูกต้อง

การดูแล ลูกท้องผูก 2 ขวบ ต้องอาศัยความเข้าใจและความอดทนจากคุณพ่อคุณแม่ หากปรับพฤติกรรมการกินและสร้างสุขนิสัยที่ดีได้ อาการท้องผูกก็จะดีขึ้นและลูกน้อยก็จะมีความสุขกับการขับถ่าย

การทำโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหนึ่งในหัตถการที่ช่วยให้ดวงตาของคุณดูสดใส อ่อนเยาว์ขึ้นได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติ แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม อยู่ได้นาน รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง การดูแลตัวเองหลังทำหัตถการถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่ Vdesign Clinic เราใส่ใจในทุกขั้นตอน และมีคำแนะนำหลังทำที่คุณควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

สิ่งที่ควรทราบและปฏิบัติในระยะแรกหลังทำหัตถการ
หลังจากทำโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตาเสร็จสิ้น คุณอาจมีอาการบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและมักจะหายไปเองในเวลาไม่นาน ได้แก่

• อาการบวมแดงช้ำ: อาจมีอาการบวม รอยแดง หรือรอยช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกาย อาการเหล่านี้มักจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายใน 2-3 วัน หรืออาจนานถึง 1-2 สัปดาห์ในบางราย
• รู้สึกตึง ๆ หรือเจ็บเล็กน้อย: อาจมีความรู้สึกตึง ๆ หรือเจ็บเล็กน้อยเมื่อสัมผัสบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้น

คำแนะนำการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการจาก Vdesign Clinic:
เพื่อให้ผลลัพธ์จากการทำโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตาออกมาดีที่สุดและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

1. ประคบเย็น: ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังทำ สามารถใช้แผ่นเจลเย็น หรือน้ำแข็งห่อผ้าสะอาดประคบเบาๆ บริเวณรอบดวงตา เพื่อช่วยลดอาการบวมและรอยช้ำ ห้ามกดแรง หรือประคบนานเกินไป ควรประคบครั้งละประมาณ 10-15 นาที วันละหลายๆ ครั้ง

2.หลีกเลี่ยงการสัมผัส นวด คลึง: งดการสัมผัส แกะ เกา หรือกดนวดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์โดยเด็ดขาดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์และการติดเชื้อ

3.งดแต่งหน้าชั่วคราว: ควรงดแต่งหน้าบริเวณรอบดวงตาอย่างน้อย 6-12 ชั่วโมงหลังทำ เพื่อให้รูเข็มปิดสนิทและป้องกันการติดเชื้อ

4.รักษาความสะอาด: รักษาความสะอาดบริเวณใบหน้า งดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือการสครับผิวบริเวณที่ฉีดในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก

5.หลีกเลี่ยงความร้อน: งดการอยู่ในที่ร้อนจัด เช่น การอบซาวน่า อบไอน้ำ โยคะร้อน หรือการตากแดดจัด เป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากความร้อนอาจส่งผลต่ออายุของฟิลเลอร์ได้

6.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมหนัก: ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการออกกำลังกายหนักๆ ที่ทำให้ใบหน้าแดงก่ำ เป็นเวลาอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง เพราะอาจเพิ่มโอกาสการเกิดรอยช้ำได้

7.ดื่มน้ำเปล่ามากๆ: การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำและดูเต็มสวยได้ดีขึ้น

8.นอนยกศีรษะสูง: ในคืนแรกๆ หลังทำ ควรนอนยกศีรษะให้สูงกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อช่วยลดอาการบวม

9.ปฏิบัติตามคำแนะนำเฉพาะของแพทย์: แพทย์ของ Vdesign Clinic อาจมีคำแนะนำเพิ่มเติมเฉพาะบุคคล โปรดปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ข้อควรระวังและเมื่อไหร่ที่ควรกลับมาพบแพทย์โดยด่วน
แม้ว่าภาวะแทรกซ้อนจากการทำโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตาจะพบได้น้อย แต่สิ่งสำคัญคือการสังเกตอาการ หากพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบติดต่อ Vdesign Clinic ทันที:

• มีอาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และไม่ดีขึ้น
• สีผิวบริเวณที่ฉีดมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ซีดลง หรือคล้ำขึ้นผิดปกติ
• มีสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น บวมแดงมาก ร้อน มีหนอง

การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องตามคำแนะนำของ Vdesign Clinic ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการทำโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา และกลับมามีดวงตาที่ดูสดใส มั่นใจอีกครั้ง หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือต้องการคำแนะนำ สามารถติดต่อสอบถามกับ Vdesign Clinic ได้ตลอดค่ะ เราพร้อมดูแลคุณในทุกขั้นตอน[/size]

เมื่อพูดถึงการดูแลผิวพรรณ หลายคนมักจะมองถึงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว การดูแลผิวที่ดีและยั่งยืนต้องมาจากการ ดูแลแบบองค์รวม ซึ่งหมายถึงการบำรุงทั้งจากภายในสู่ภายนอก โดยการรักษาสมดุลระหว่างการทานอาหารที่ดี การพักผ่อน และการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม การทำเช่นนี้จะช่วยให้ผิวของคุณดูสุขภาพดีและสวยงามได้อย่างยาวนาน

วันนี้เราจะมาพูดถึง เคล็ดลับการดูแลผิวจากภายในสู่ภายนอก และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงผิวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ เซรั่มลดรอยสิว จาก Garnier ซึ่งมีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การดูแลผิวที่ครบวงจร ช่วยลดปัญหาสิวและบำรุงผิวให้ดูดีขึ้นได้ในเวลาเดียวกัน

การดูแลผิวจากภายใน: เริ่มต้นด้วยการดูแลสุขภาพโดยรวม
ก่อนที่เราจะพูดถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิว การดูแลผิวจากภายในเริ่มต้นด้วย การดูแลสุขภาพโดยรวม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้ผิวพรรณของเราแข็งแรงและดูดี โดยสิ่งที่คุณควรคำนึงถึง ได้แก่:

1. การรับประทานอาหารที่ดีต่อผิว
การทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น ผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ รวมถึงอาหารที่มี โอเมก้า 3 ซึ่งช่วยลดการอักเสบและช่วยฟื้นฟูผิว เช่น ปลาแซลมอน เมล็ดเจีย และถั่วต่างๆ รวมถึงการดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นในผิว

2. การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
การนอนหลับที่ดีไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายสดชื่น แต่ยังช่วยให้ผิวมีโอกาสฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเองในระหว่างที่เราหลับ เมื่อร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ผิวของเราจะดูสดใสและมีสุขภาพดีขึ้น

3. การลดความเครียด
ความเครียดเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาผิวมากมาย เช่น สิวอุดตันและสิวอักเสบ ดังนั้น การหาวิธีลดความเครียด เช่น การทำสมาธิ การออกกำลังกาย หรือการหากิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย จะส่งผลดีต่อผิวพรรณของคุณ

การดูแลผิวจากภายนอก: ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นฟูผิว
เมื่อคุณดูแลสุขภาพจากภายในได้ดีแล้ว สิ่งสำคัญต่อไปคือการบำรุงผิวจากภายนอก โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นฟูและรักษาผิวให้มีความสมดุล ไม่ว่าจะเป็นการใช้มอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเติมความชุ่มชื้น หรือการใช้เซรั่มที่มีสารบำรุงล้ำลึก

เซรั่มลดรอยสิวจาก Garnier เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การดูแลผิวแบบองค์รวม โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาสิวอุดตันและรอยดำจากสิว ตัวเซรั่มมีคุณสมบัติพิเศษในการ ลดรอยสิว สิวอุดตัน และ ป้องกันการเกิดสิวใหม่ ด้วยการใช้สารสกัดจากธรรมชาติและส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพ

1. ช่วยลดรอยสิวและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
เซรั่มลดรอยสิวจาก Garnier มีส่วนผสมของ ไฮยาลูรอน ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว และ สารสกัดจากพืชธรรมชาติ ที่ช่วยลดรอยดำและจุดด่างดำจากสิว ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น

2. บำรุงผิวให้แข็งแรงและสุขภาพดี
ส่วนผสมในเซรั่มนี้ช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ซึ่งทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่น ลดการอักเสบและการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาสิว ทำให้ผิวของคุณกลับมาดูสดใสและแข็งแรงขึ้น

3. ป้องกันการเกิดสิวอุดตัน
การใช้เซรั่มลดรอยสิวจาก Garnier อย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวใหม่ ช่วยให้ผิวสะอาดและปราศจากสิ่งตกค้างที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตัน

วิธีการใช้เซรั่มลดรอยสิวจาก Garnier
การใช้เซรั่มลดรอยสิวจาก Garnier เป็นเรื่องง่ายและสะดวก เพียงแค่ทำตามขั้นตอนเหล่านี้:

• ทำความสะอาดผิวหน้า ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะกับสภาพผิว
• ใช้โทนเนอร์ เพื่อปรับสมดุลผิวและเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง
• บีบเซรั่มในปริมาณที่พอเหมาะ ลงบนฝ่ามือ แล้วทาให้ทั่วใบหน้า โดยเน้นที่จุดที่มีรอยสิวหรือบริเวณที่เป็นสิว
• ทาครีมบำรุง ตามปกติ หากต้องออกแดดให้ทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวี

สรุป
การดูแลผิวแบบองค์รวมคือการผสมผสานการดูแลจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการดูแลสุขภาพโดยรวม การทานอาหารที่ดี การพักผ่อน และการจัดการกับความเครียด เซรั่มลดรอยสิวจาก Garnier แบบครีมซองเซเว่นเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแลผิวจากภายนอก โดยช่วยลดรอยสิว ป้องกันการเกิดสิวใหม่ และทำให้ผิวของคุณกลับมามีสุขภาพดีและกระจ่างใสในระยะยาว ด้วยการดูแลผิวทั้งจากภายในและภายนอก คุณจะสามารถมีผิวที่สวยใสและสุขภาพดีได้อย่างยั่งยืน

สวัสดีค่ะสาว ๆ ทุกคน กลับมาอีกครั้งกับการรีวิวไอเท็มบิวตี้ที่หลายคนรอคอย วันนี้เรามีเรื่องมาแชร์ให้ฟังกันค่ะ เชื่อว่าหลายคนคงกำลังมองหาเครื่องสำอางhttps://www.maybelline.co.th/ ใหม่ ๆ ที่ใช้แล้วปัง สวยเป๊ะ ติดทนนาน และที่สำคัญ คือต้องเหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ บอกเลยว่าวันนี้เราจัดเต็มมาให้แล้ว เอาใจสาว ๆ ที่กำลังมองหาเมคอัพสุดปังกันอยู่ เพราะในยุคสมัยที่ผู้หญิงทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับการแต่งหน้ามากขึ้น การเลือกเครื่องสำอางที่เหมาะกับตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ  เครื่องสำอางที่ดีจะช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจ และทำให้เราดูดีในแบบของตัวเอง ในฐานะที่เราก็ลองผิดลองถูกมาเยอะ ทดลองใช้เครื่องสำอางมาหลายแบรนด์  จนได้ค้นพบไอเท็มเด็ดที่ใช้แล้วชอบ วันนี้เลยขอมาอัปเดตเครื่องสำอางที่ใช้แล้วชอบในปี 2024  จากแบรนด์ดังที่ทุกคนต้องเลิฟ  รับรองว่าเด็ดจริง ใช้แล้วปังแน่นอน มาดูกันเลยค่ะ

เริ่มกันที่ชิ้นแรก เป็นมาสคาร่า https://www.loreal-paris.co.th/eye-makeup/mascara จากแบรนด์ลอรีอัล ปารีส รุ่น ลอรีอัล ปารีส แลช พาราไดซ์ วอเตอร์ พรูฟ มาสคาร่า สูตรนี้เป็นสูตรกันน้ำ  ปัดแล้วขนตางอนยาวหนา ไม่จับตัวเป็นก้อน เหมาะกับสาว ๆ ที่ชอบปัดมาสคาร่า งานขนตาปัง ๆ หรือเป็นคนที่หนังตามันง่าย เหงื่อออกง่าย รุ่นนี้เอาอยู่มาก ๆ เลยค่ะ ขอสรุปความเริ่ดหลังจากได้ลองใช้นะคะ

• ขนตางอนยาวหนา
• ไม่จับตัวเป็นก้อน
• กันน้ำ กันเหงื่อ
• ติดทนนาน

สำหรับรองพื้น https://www.yslbeautyth.com/th_TH/makeup/makeup-complexion/makeup-foundation/ เราขอแนะนำ YSL Beauty ALL HOURS RENOVATION ใครที่ชอบความแกลม ให้งานผิว สวยแพง ต้องขวดนี้เลยค่ะ เพราะทาแล้วเนื้อบางเบา ปกปิดริ้วรอยได้ดี  คุมมันยาวนาน 24 ชั่วโมง  เหมาะกับทุกสภาพผิว แถมยังมีเฉดสีให้เลือกเยอะถึง 8 เฉดสี นอกจากนี้ รองพื้นยังมีความเป็นสกินแคร์มากถึง 77% จึงทำให้คุณรู้สึกสบายผิวมากยิ่งขึ้น เพราะมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นตัวสำคัญ เช่น กรดไฮยาลูโรนิก ให้ลุคเป็นธรรมชาติ เปล่งประกาย และแมตต์ ปรับโทนสีผิวให้เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ

และสำหรับสาวๆ ที่ต้องการรองพื้นที่ให้การปกปิด  เราขอแนะนำ Lancome TEINT IDOLE ULTRA WEAR FOUNDATION  เป็นรองพื้นที่ ผสานไฮยาลูรอนิค มอบความชุ่มชื้น พร้อมบำรุงผิวด้วยสกินแคร์เซรั่ม 81%  ให้เนื้อแมตต์แบบ buildable coverage  คุมมันยาวนาน 24 ชั่วโมง เหมาะกับสาว ๆ ที่ต้องการปิดรอยสิว รอยดำ รอยแดง แต่ไม่ต้องการความหนาเตอะ ตัวนี้ตอบโจทย์มาก ๆ ให้ฟินิชลุคที่บางเบา สวยเป้นธรรมชาติแบบ Natural Matte

ปิดท้ายกันที่ลิปสติกจากเมย์เบลลีน นิวยอร์ก รุ่นยอดฮิตที่ใครใช้ก็ต้องชอบแน่นอน นั่นก็คือรุ่น ซุปเปอร์สเตย์ ไวนิล อิ้งค์ ลองแวร์ ลิควิด ลิปคัลเลอร์ ลิปสติกเนื้อแมตเนื้อไชน์  สูตรติดทนนานถึง 16 ชั่วโมง  สีชัดสดใส  ไม่เลอะเปื้อน  ทาแล้วปากดูอิ่มฉ่ำ  แวววาว  เหมาะกับทุกโอกาส วิธีทาให้ลิปติดทนก็ง่ายสุด ๆ แค่เขย่าแท่งลิปก่อนทา 5 วินาที จากนั้นทาลงบนริมฝีปากที่แห้ง สะอาด และรอให้แห้งอย่างน้อย 1 นาที แค่นี้ก็ได้สีปากที่สวยชัด ติดทนนานทั้งวันแล้ว

หวังว่าไอเท็มที่เรามาแชร์ในวันนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนนะคะ สาว ๆ คนไหนที่ชอบหรือสนใจ ก็ลองไปหาซื้อมาลองใช้กันดูนะคะ  รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน