ระบบการทำงานของผ้ากันไฟผ้ากันไฟไม่ได้ป้องกันไฟด้วยกลไกเดียว แต่เป็นการทำงานร่วมกันของหลายคุณสมบัติ เพื่อป้องกันหรือชะลอการลุกลามของไฟ และลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น มาดูหลักการทำงานโดยละเอียดกันครับ
1. การหน่วงการนำความร้อน
หลักการ: ผ้ากันไฟที่มีความหนาแน่นสูง หรือมีคุณสมบัติเป็นฉนวนความร้อน จะสามารถชะลอการถ่ายเทความร้อนจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งได้
ผลลัพธ์: ช่วยป้องกันไม่ให้ความร้อนจากไฟทะลุผ่านผ้าไปถึงผิวหนัง หรือวัสดุที่อยู่ด้านหลังผ้า ทำให้ลดความเสี่ยงของการถูกไฟไหม้ หรือการติดไฟของวัสดุอื่น ๆ
2. การต้านทานการเผาไหม้
หลักการ: วัสดุที่ใช้ทำผ้ากันไฟบางชนิดมีความสามารถในการต้านทานการเผาไหม้ได้ดี เมื่อสัมผัสกับเปลวไฟ จะไม่ติดไฟ หรือติดไฟได้ยาก
ผลลัพธ์: ช่วยป้องกันไม่ให้ผ้ากลายเป็นเชื้อเพลิง ทำให้ไฟไม่สามารถลุกลามต่อไปได้
3. การสร้างเกราะป้องกัน
หลักการ: ผ้ากันไฟทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันระหว่างแหล่งความร้อนหรือเปลวไฟ กับสิ่งที่ต้องการปกป้อง เช่น ผิวหนัง หรือวัสดุไวไฟ
ผลลัพธ์: ช่วยลดความเสี่ยงของการสัมผัสโดยตรงกับความร้อนและเปลวไฟ
4. การดูดซับความร้อน (ในบางกรณี)
หลักการ: ผ้ากันไฟบางชนิดสามารถดูดซับความร้อนได้ ทำให้ความร้อนไม่ส่งผ่านไปยังอีกด้านหนึ่ง
ผลลัพธ์: ช่วยลดอุณหภูมิของสิ่งที่อยู่ด้านหลังผ้า ทำให้ลดความเสี่ยงของการถูกความร้อนทำลาย
วัสดุและโครงสร้างผ้ามีผลต่อระบบการทำงาน
ประสิทธิภาพในการป้องกันไฟของผ้ากันไฟขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้และโครงสร้างของผ้าเป็นสำคัญ
วัสดุ:
ผ้าใยแก้ว: ทนความร้อนได้ดี
ผ้าอะรามิด (เคฟลาร์, โนเม็กซ์): ทนความร้อนและเปลวไฟได้ดี
ผ้าซิลิกา: ทนความร้อนสูงมาก
โครงสร้าง:
ผ้าทอหนาแน่น จะป้องกันการทะลุผ่านของความร้อนและเปลวไฟได้ดีกว่าผ้าทอหลวม
สรุป
ผ้ากันไฟทำงานโดยการผสมผสานคุณสมบัติในการหน่วงการนำความร้อน ต้านทานการเผาไหม้ และสร้างเกราะป้องกัน ทำให้สามารถป้องกันหรือชะลอการลุกลามของไฟ ลดความเสียหาย และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน