ผู้เขียน หัวข้อ: motor expo 2025: MINI Aceman SE ขุมพลังไฟฟ้ากับ Go-Kart Feeling เป็นยังไง?  (อ่าน 45 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 354
  • ขายออนไลน์ ใหม่-มือสอง โปรโมทสินค้า บ้าน รถ สัตว์เลี้ยง พระเครื่อง ท่องเที่ยว เครื่องสำอาง เสื้อผ้า กล้อง เว็บสมัครงาน, ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี
    • ดูรายละเอียด
motor expo 2025: MINI Aceman SE ขุมพลังไฟฟ้ากับ Go-Kart Feeling เป็นยังไง?
« เมื่อ: วันที่ 18 มีนาคม 2025, 19:54:10 น. »
motor expo 2025: MINI Aceman SE ขุมพลังไฟฟ้ากับ Go-Kart Feeling เป็นยังไง? จะมาเล่าประสบการณ์ให้ทราบกัน

MINI Aceman SE เป็นรถครอสโอเวอร์ขนาดย่อมที่มากับระบบการขับขี่ด้วยไฟฟ้า 100% เปิดตัวมาพร้อมราคาจำหน่ายที่ 1,999,000 บาท โดยภาพรวมของตลาดรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีการเติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะแบรนด์จากจีนที่เข้ามาแข่งขันในตลาด จนเกิดสงครามราคา ส่งผลให้ทั้งรถยนต์มือสอง รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปจนถึงรถยนต์จากทางยุโรปที่เป็น EV ต่างก็ต้องปรับราคาตามสถานการณ์ตลาด แล้วอะไรที่ทำให้ MINI นั้นยังคงเป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีใจรักในแบรนด์ MINI รวทถึงรถยนต์ไฟฟ้า ช่วยชู จะมาเล่าให้ฟังจากการได้สัมผัสกับรถรุ่นนี้รวมถึงการขับขี่แบบ Go-Kart Feeling ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้ทราบกัน
 
 
โดยทางแบรนด์ MINI ก็เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เข้ามาร่วมในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่างจริงจัง เพื่อเป็นการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค โดยได้นำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหลายรุ่น โดยแบ่งออกเป็น 4 รุ่นหลัก ได้แก่

MINI Cooper SE - 3 ประตู 4 ที่นั่ง ราคา 1,699,000 บาท

MINI Aceman SE - 5 ประตู 5 ที่นั่ง ราคา 1,999,000 บาท

MINI Countryman - SUV Crossover 5 ประตู ราคา 3,399,000 บาท

MINI John Cooper Works Electric - เป็นรุ่นสมรรถนะสูง คาดว่าจะเปิดราคาในงาน Motor Show

MINI Aceman SE ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย
MINI Aceman SE เป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นรถยนต์ 5 ประตู พร้อมรองรับผู้โดยสารถึง 5 ที่นั่ง และยังสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องตัว รวมถึงมีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม โดยมีรายละเอียดดังนี้
พละกำลัง: 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่: 54.2 kWh
ระยะทางขับขี่: 405 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP)
ระบบขับเคลื่อนด้วย ล้อหน้า
เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 7.1 วินาที
ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ด้าน MINI Countryman ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์แบบครอบครัว มีจุดเด่นที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (All Four) และพละกำลังสูงถึง 313 แรงม้า และ MINI John Cooper Works Electric  (JCW) เป็นครั้งแรกของ JCW กับการก้าวสู่โลกของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว เป็นรถสำหรับสายชื่นชอบความแรง  โฉบเฉี่ยวด้วยโลโก้ JCW สีแดง-ขาว-ดำ, สปอยเลอร์ท้ายที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในด้านอากาศพลศาสตร์ ให้ระยะทางการขับขี่ที่ 371 กิโลเมตร/การชาร์จหนึ่งครั้ง 

เทคโนโลยีและฟีเจอร์เด่นของ MINI All-Electric
โหมดขับขี่ที่หลากหลาย: มีโหมด Eco, Normal และ Sport เพื่อปรับการขับขี่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
Digital Key: ใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน รองรับทั้ง iOS และ Android
หน้าจอ OLED และระบบแสดงผล Ambient Light: ปรับแต่งธีมสีสันภายในห้องโดยสารตามโหมดการขับขี่
การเชื่อมต่อและการสั่งงานผ่านแอปพลิเคชัน: ช่วยให้เจ้าของรถสามารถควบคุมการตั้งค่ารถจากระยะไกล

ความคุ้มค่าของ MINI EV
แม้ MINI All-Electric จะเป็นแบรนด์ยุโรป แต่ราคาของรุ่นที่ผลิตในจีนอย่าง Cooper SE และ Aceman นั้นสามารถแข่งขันได้ในตลาด EV ได้ดี ด้วยราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ในขณะที่รุ่นนำเข้าจากเยอรมันอย่าง Countryman มีราคาสูงกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงต้นทุนการผลิตที่แตกต่างกัน

บทสรุป
MINI All-Electric เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งดีไซน์ เทคโนโลยี และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม การมาของรุ่น JCW All-Electric น่าจะช่วยเสริมความครบครันให้กับไลน์อัปของ MINI EV และเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองในตลาดรถไฟฟ้า หากสนใจ สามารถเข้าชมรถยนต์ MINI EV ทุกรุ่นได้ที่งาน Motor Show หรือโชว์รูม MINI ทั่วประเทศ!